กระต่ายพันธุ์พัมินิเร็กซ์ (Minirex)

กระต่ายพันธุ์พัมินิเร็กซ์ (Minirex)

92041cf1a75e104ae8ce32b1c2c5ad82_0
ขนาด 1.4- 2 กิโลกรัมสี มีมากมายหลายเฉดสี เช่น blue, californian, castor, chinchilla, lynx, opal, red, seal, tortoise, white and broken group.
เป็นสายพันธ์ที่ได้รับการยอมรับ รับเข้า ARBA เมื่อปี 1988
กระตายสายพันธุ์มินิเร็กซ์เป็นกระต่ายที่มีโครงสร้างสมดุลและได้สัดส่วน ร่างกายของมันกะทัดรัด มีความกว้างสมดุลกับความยาว ข่วงไหล่ ลำตัว และปั้นท้าย ทุกอย่างพัฒนามาอย่างดี หัวไหลแคบกว่าบั้นท้่้ายเล็กน้อย ทำให้ตัวค่อยๆ เรียวลง หัวของตัวเมียค่อยข้างเรียบกว่าหัวของตัวผู้ขนในอุดมคติต้องยาว 5/8 นิ้้ว (1.6เซนติเมตร) ขนควรตรงและเป็นมัน มีการ์ดแฮร์จำนวนมาก ขนชั้นนอกให้ความรู้สึกนุ่มและสปริงตัว

dd93510f4689ae2232045825d27e43af_DSC06382

รูปร่างลักษณะของกระต่าย

ลำตัว ลำตัวต้องสั้น เล็กกะทัดรัด ไหล่หนา และมีความกว้างเท่ากับความกว้างของสะโพก ความกว้างและส่วนสูง จะต้องใกล้เคียงกัน ไหล่โค้งได้รูปรับกับส่วนโค้งของสะโพกที่กลมกลึง ซึ่งทำให้เน้นความสูงของตัวกระต่าย โดยที่ความกว้างและส่วนสูงจะต้องสมดุลกันหัว หัวโต มีขนาดใหญ่สมดุลกันกับลำตัว ตัวผู้จะมีหัวใหญ่กว่าตัวเมีย หัวเป็นทรงกลมเมื่อมองจากทุกทิศทาง ส่วนโค้งของหัวมองดูกลมไม่มีสะดุด หัวตั้งสูงและติดกับไหล่มากที่สุดหู หูจะต้องสั้นและตั้งอยู่บนส่วนหัว หูตั้งแต่ไม่จำเป็นต้องชิดติดกัน มีขนเต็มสม่ำเสมอ แสดงถึงความมีเนื้อของส่วนฐานของหู ปลายหูมน ความยาวของหูในอุดมคติคือ 2 นิ้ว ขนาดของหูต้องสมดุลกันกับหัวและลำตัวตา ดวงตาต้องกลม โต สดใส สีของตาต้องตรงตามมาตรฐานของประเภทสีที่ทำการประกวด ดังจะได้กล่าวถึงในรายละเอียดในเล่มต่อไป เช่น สีบลูหรือสีสวาดหรือสีเทาควันบุหรี่ ต้องมีตาสีเทา เป็นต้น ข้อยกเว้นในกระต่ายสีช็อกโกแล็ต สีไลแลคหรือสีเทากาบบัว และกลุ่มสีเฉด รวมถึงพวกสร้อยเงิน รูม่านตาอาจจะเป็นสีแดงสะท้อนออกมาได้ เรียกว่า Ruby Glow หรือ Ruby Red Reflection ในแสงปกติ ซึ่งกรรมการไม่ควรที่จะมาคำนึงถึงตรงส่วนนี้เวลาประกวด เพราะว่าไม่มีกระต่ายตัวไหนที่จะถูกตัดสิทธิ์หรือถูกหักคะแนนจากการที่มีสีแดงสะท้อนออกมาจากรูม่านตาหาง ลักษณะของหางต้องตรง และมีขนเต็ม ถึงแม้ว่าจะไม่มีการให้คะแนนในส่วนหางของกระต่าย แต่ถ้าหางมีลักษณะที่บกพร่องบ้าง ก็อาจจะถูกหักคะแนนบ้างจากลักษณะประกอบอื่นๆ แต่ถ้าบกพร่องมาก ก็อาจจะถูกตัดสิทธิ์จากการประกวดได้เช่นกันขน ลักษณะขนต้องเป็นแบบโรลแบ็ค (Rollback) เท่านั้น โรลแบ็ค หมายถึง ลักษณะขนที่เมื่อใช้มือลูบย้อนแนวขน ขนจะค่อยๆ กลับคืนตัวสู่ตำแหน่งเดิม คุณภาพของขนต้องนุ่ม หนาแน่นสม่ำเสมอกัน ขนไม่ตายและเป็นมันเงางามสี ลักษณะของสีขนและสีตาต้องตรงกันตามมาตรฐานของสีนั้นๆ สีเล็บก็ต้องตรงตามมาตรฐานของสีนั้นๆ ด้วย กระต่ายจะถูกตัดสิทธิ์จากการประกวด เมื่อปรากฏเล็บขาว ในกระต่ายสี สุดท้ายสีขนชั้นนอกและสีขนชั้นในไม่ตรงตามมาตรฐานที่กำหนด

1301850_6967597[1]

ลักษณะที่ไม่พึงประสงค์ ไหล่แคบ ลำตัวยาวและแคบ หัวไหล่หรือสะโพกแคบ ส่วนโค้งหลังแบนราบไม่โค้ง ดังนั้นถ้าความกว้าง ความยาวและส่วนสูง ไม่สัมพันธ์กัน จึงถือว่าเป็นลักษณะที่บกพร่องทั้งสิ้น ลักษณะหัว ที่มีจมูกแหลม บาน หรือแบน ถือเป็นลักษณะที่ไม่ต้องการ หัวใหญ่หรือเล็กเกินไปเมื่อเทียบกับตัว หัวไม่สมดุลกับตัวและหู หัวขาดความกลมถือเป็นลักษณะที่บกพร่องทั้งสิ้น หูบาง หูงอ หูพับ ขนที่หูไม่สม่ำเสมอ หูแบน หูเป็นรูปตัววีกางมากเกินไป เส้นขนยาวเกินไป ขนบาง ขนไม่หนาแน่น กระต่ายอยู่ในช่วงผลัดขน สีจางไม่เท่ากัน หรือมีสีปะคือมีสีอื่นปรากฏขึ้นมาในที่ที่ไม่ควรเป็น และที่ยอมไม่ได้มากที่สุดคือ ขนปรากฏเป็นแบบฟลายแบ็ค (Flyback) คือเมื่อลูบขนย้อนแนว จะตีกลับสู่ตำแหน่งเดิมในทันที ซึ่งเป็นลักษณะที่ทำให้กระต่ายเนเธอร์แลนด์ดวอฟแตกต่างจากกระต่ายพันธุ์โปลิช

ลักษณะที่ปรับเป็นโมฆะจากการประกวด เมื่อมีเหนียงใต้คอ กระต่ายที่มีหูยาวเกิน 2 นิ้วครึ่ง เมื่อกระต่ายประกวดในกลุ่มสีใดๆ ถ้าหากปรากฏว่ามีขนแซมสีขาวขึ้นมา หรือกระต่ายสีขาว หรือกลุ่มสีฮิมาลายัน แต่ขนสีอื่นปรากฏแซมขึ้นมา จะถูกตัดสิทธิ์จากการประกวด

92041cf1a75e104ae8ce32b1c2c5ad82_0   dd93510f4689ae2232045825d27e43af_DSC06382

การดูแลทำความสะอาดกระต่าย

การดูแลทำความสะอาดกระต่าย

 

120110_bunny_03

โดยปรกติแล้วกระต่ายเป็นสัตว์รักสะอาดจะมีการดูแลทำความสะอาดตัวเองอยู่ตลอดเวลา จะสังเกตได้ว่าหากกระต่ายที่มีสุขภาพดี จะมีการเลียทำความสะอาดขนตัวเองอยู่เสมอค่ะ ถ้าหากกระต่ายเริ่มสกปรกมอมแมมขี้ตากรังก็อาจจะเกิดการเจ็บป่วยได้ค่ะ

 

การดูแลการแปรงขน

การแปรงขนถือเป็นการทำความสะอาดกระต่ายอย่างหนึ่งนะคะ กระต่ายที่ไม่ได้เลอะเทอะอะไรเราแค่แปรงขนบำรุงขนให้ก็เพียงพอแล้วค่ะ

  • การแปรงขนเป็นการแปรงเอาขนเสีย ขนที่พันกันออก โดยค่อยๆแปรงเบาๆ อย่าไปกระชากรุนแรง
  • หากส่วนไหนหวีไม่ออกขนพันกันเป็นก้อนเกินจะเยียวยาให้เอากรรไกรเล็มตัดบริเวณที่ขนพันกันออกไปค่ะ
  • การหวีควรหวีจากด้านนอกให้ขนด้านนอกเรียบร้อยดี แล้วค่อยๆแหวกๆหวีขนชั้นในด้วยค่ะ
  • ในกระต่ายขนสั้นการดูแลจะไม่ยุ่งยากเท่ากระต่ายขนยาว โดยจะเป็นการช่วยหวีขน แปรงขนเอาขนตายออก ฉีดสเปรย์บำรุงให้ขนเงางาม
  • ในกระต่ายขนยาวเราต้องดูแลมากหน่อย สิ่งที่ควรทำสม่ำเสมอคือการหวี แปรงขนเพื่อป้องกันไม่ให้ขนพันกัน การแปรงขนก็ควรแปรงทั้งขนชั้นนอกและชั้นใน หากเจอขนพันกันรุนแรงก็ต้องเอากรรไกรเล็มทิ้งไปค่ะ นอกจากนี้ก็ควรฉีดสเปรย์บำรุงขนด้วยค่ะ

 

IMG_9004-1

การทำความสะอาดเฉพาะส่วน

  • หลักจากการแปรงขนแล้ว หากยังเห็นว่ามีส่วนไหนที่เลอะเทอะมากๆ เช่น เท้า ก้น ท้อง เราก็สามารถทำความสะอาดเฉพาะส่วนได้
  • โดยการใช้ผ้าขนหนูหรือฟองน้ำชุบน้ำค่อยๆเช็ดในบริเวนที่เลอะมากๆออกไป จะใช้น้ำเปล่าๆ ,น้ำผสมแชมพูเด็ก หรือแชมพูสำหรับสุนัข ก็ได้ค่ะ
  • เมื่อทำความสะอาดเสร็จแล้วก็ควรเช็ดขนให้แห้ง ป้องกันกระต่ายเป็นหวัดค่ะ แต่ถ้าสกปรกมากจริงๆเช็ดอย่างไรก็ไม่ออก ก็ใช้กรรไกรเล็มๆทิ้งไปเลยดีกว่าค่ะ

 

การอาบน้ำกระต่ายทำได้หรือไม่

ทำได้ค่ะแต่ไม่จำเป็นค่ะ เราแนะนำว่าหากกระต่ายมีความเลอะเทอะมากจริงๆให้ลองทำความสะอาดในขั้นตอนอื่นๆที่ว่ามาหลายๆครั้งดูก่อน เขาก็จะสะอาดขึ้นเองค่ะ แต่ถ้าหากว่าเราอยากจะอาบน้ำให้จริงๆก็สามารถทำได้ค่ะ

  • อันดับแรกควรดูว่ากระต่ายของเราสุขภาพดี ไม่ขี้กลัวหรือเครียดง่ายนะคะ
  • เริ่มต้นโดยการค่อยๆเอาผ้าชุบน้ำลูบๆก่อนให้คุ้นเคย หรือค่อยๆเอามือควักน้ำลูบๆให้ขนเปียกๆ
  • แล้วเอาแชมพูลงบนขน ขยี้เบาๆในบริเวณที่สกปรก
  • จากนั้นเอาผ้าชุบน้ำค่อยๆเช็ดฟองออกแล้วควักๆน้ำล้างฟองออกไปค่ะ
  • หลังจากล้างขนสะอาดเรียบร้อยดีให้เช็ดตัวให้แห้งที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ ยอมเปลืองผ้าหน่อยนะคะ
  • ถ้าต้องการจะไดร์ขนให้ก็อย่าให้เป็นลมร้อนมากนะคะ เดี๋ยวจะแย่ไปใหญ่
  • เมื่อกระต่ายตัวแห้งดีให้แปรงขนและลงครีมหรือสเปรย์บำรุงขนก็เสร็จเรียบร้อยค่ะ

 

hqdefault

สิ่งสำคัญคือสถานที่เลี้ยงดู หากกรงสะอาด กระต่ายสุขภาพดี ก็จะลดปัญหากระต่ายสกปรกไปได้เองค่ะ ^ ^

3 กระต่ายพันธุ์ฮิต เลือกอย่างไรให้โดนใจ…แต่ไม่โดนหลอก!!

bunny

เลือกกระต่ายสายพันธุ์ฮิตอยางไร?? ให้โดนใจ…แต่ไม่โดนหลอก!! (petnews2005)

ใครอยากเลี้ยงกระต่าย ยกมือขึ้น…

ในปัจจุบันคงต้องยอมรับว่าการเลี้ยงกระต่ายไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่ใคร ๆ เคยคิด เพราะมีสิ่ง อำนวยความสะดวกในการเลี้ยงเจ้าขนปุยมากมาย ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น อาหาร หรืออุปกรณ์การเลี้ยงต่าง ๆ ที่เจ้าขนปุยของคุณต้องการ

และหากคุณกำลังมองหาเพื่อนที่รู้ใจ หรือสัตว์เลี้ยงที่เต็มไปด้วยความน่ารัก ซุกซน แต่ไม่ส่งเสียงดัง และไม่ทำร้ายเด็ก ๆ คำตอบของคุณก็คือ เจ้ากระต่ายขนปุยแน่นอน เพียงคุณมีเวลาอย่างน้อย วันละ 3 ชั่วโมง มีสถานที่ที่เหมาะสม คือ มีอากาศถ่ายเทตลอดทั้งวัน ไม่ร้อนจัด ลมไม่พัดแรง และไม่ชื้นแฉะ คุณก็สามารถเลือกกระต่ายน่ารัก ๆ สักตัวมาเลี้ยงได้เลย

อ้อ…แต่อย่างไรก็ตาม คุณก็ควรศึกษา ข้อมูลของสายพันธุ์กระต่ายที่คุณจะเลี้ยงให้ดีเสียก่อน เพราะเจ้าขนปุยแต่ละสายพันธุ์มีลักษณะเด่น และความต้องการในเรื่องของการเลี้ยงดูที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งหากคุณไม่มีข้อมูลอะไรเลย คุณอาจได้ กระต่ายที่มีลักษณะไม่สมบูรณ์ตามลักษณะที่ควรจะเป็นของแต่ละสายพันธุ์ หรือเรียกง่าย ๆ ว่าโดน หลอกนั่นเอง

วันนี้เราจึงขอนำเสนอข้อมูลดี ๆ ของเจ้าขนปุย 3 สายพันธุ์ ที่กำลังฮิต มาบอกถึงลักษณะเด่น และลักษณะที่แตกต่างของแต่ละสายพันธุ์ เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจในการเลือกซื้อ และเลือกเลี้ยงให้ โดนใจ แต่ไม่โดนหลอกนั่นเอง

โดยพันธุ์แรกที่แนะนำ คือ เนเธอร์แลนด์ ดวอฟ (Netherland Dwarf) เจ้าขนปุยหนึ่งเดียวที่ ได้ชื่อว่าเป็น อัญมณีแหงวงการกระตายสวยงาม (Gem of the Fancy Rabbits) ซึ่งได้มีการนำเข้า สายพันธุ์คุณภาพระดับประกวดจากสหรัฐอเมริกามาในประเทศไทยเมื่อประมาณปลายปี พ.ศ. 2546 โดยสีที่นำเข้ามา คือ สีขาว ตาฟ้า, สีดำสร้อยทอง (Black Otter) และสีดำสร้อยเงิน (Black Silver Marten)

bu2

เนเธอร์แลนด์ ดวอฟ

และในปีต่อมาได้มีการนำเข้าสีอื่น ๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง อาทิ สีทองแดง (Siamese Sable) ,สีควันบุหรี่ (Siamese Smoke Pearl) , สีฮิมาลายัน (Himalayan) และสีที่หายากอย่างสีวิเชียรมาศ (Sable Point) หรือสีพื้นต่าง ๆ อาทิ สีดำ ,สีบลู ,สีช็อกโกแลต ทำให้ในตอนนี้ ในตลาดบ้านเรามีกระต่าย เนเธอร์แลนด์ ดวอฟ สีต่าง ๆ มากมายให้เลือกซื้อเลี้ยงกันตามความชื่นชอบ อีกทั้งกระต่ายพันธุ์นี้ยังเป็นที่ยอมรับ และมีชื่อเสียงมากในวงการนักพัฒนาสายพันธุ์กระต่ายสวยงาม จนได้ชื่อว่าเป็น อัญมณีแห่งวงการกระต่ายสวยงามนั่นเอง

กระต่ายแคระเนเธอร์แลนด์ หรือ เนเธอร์แลนด์ ดวอฟ มีลักษะเด่น คือ ลำตัวสั้น กะทัดรัด ไหล่ สะโพก ความสูง สมมาตรกันอย่างสวยงาม หัวกลม โต สมดุลกันกับลำตัว คอสั้น หูตั้งตรง ขนนุ่ม-แน่น สม่าเสมอและเป็นมันเงางาม ลักษณะของขนเป็นแบบโรลแบ็ค (Rollback) คือ เมื่อหวีย้อนแนวขน จะสามารถกลับมาเป็นทรงเดิมได้ ตากลมโต สดใส หางตรงและมีขนเต็ม ลักษณะของสีขน สีตา และสี เล็บต้องตรงกันตามมาตรฐานของสีนั้น ๆ เช่น สีบลู หรือสีสวาด หรือสีเทาควันบุหรี่ ต้องมีตาสีเทา เป็นต้น น้ำหนักที่เหมาะสมเมื่อโตเต็มที่ คือ 0.9 กิโลกรัม ส่วนน้ำหนักมากที่สุดของสายพันธุ์นี้ คือ 1.15 กิโลกรัม

กระต่ายสายพันธุ์เนเธอร์แลนด์ ดวอฟ เป็นกระต่ายที่มีสีให้เลือกมากที่สุด โดยสามารถแบ่งได้ เป็น 5 กลุ่มสี และมีสีหรือลักษณะสีย่อย ๆ อีกกว่า 24 สี ตามมาตรฐานที่สมาคมพัฒนาพันธุ์กระต่าย แห่งสหรัฐอเมริกา หรือ ARBA กำหนดให้มีการประกวด ได้แก่ กลุ่มสีพื้น (Self Varieties), กลุ่มสีเฉด (Shaded Varieties) , กลุ่มสีขนอะกูติ (Agouti Varieties) , กลุ่มแทนหรือกลุ่มมีสร้อย (Tan Varieties) และกลุ่มสีอื่น ๆ (Any Other Varieties)

1227a9e46c49f1af4dd07bcac5ec73d4

ฮอลแลนด์ลอป

ส่วนกระต่ายที่ได้ชื่อว่าแสนรู้ที่สุด และเป็นที่นิยมเลี้ยงมากที่สุดในประเทศไทยในตอนนี้ คงต้องยกตำแหน่งให้กับเจ้าหูตก ฮอลแลนด์ ลอป (Holland lop) เพราะเป็นที่ทราบกันดีถึงลักษณะที่น่ารัก และโดดเด่น คือ มีหูตกอยู่ที่ข้างแก้ม ซึ่งเป็นลักษณะที่แตกต่างจากกระต่ายปกติที่เราคุ้นเคย แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลหลักที่ทำให้เจ้าหูตกสายพันธุ์นี้เป็นที่นิยมในหมู่คนเลี้ยงกระต่าย แต่เป็นเพราะว่า ฮอลแลนด์ ลอป เป็นกระต่ายที่มีความเชื่องมากที่สุดพันธุ์หนึ่ง และเป็นกระต่ายมีหุ่นแข็งแรง บึกบึน สามารถจดจำชื่อของตัวเองได้ และยังรู้จักเจ้าของอีกด้วย

เรียกได้ว่าเป็นกระต่ายในดวงใจของหลาย ๆ คน โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ที่กระต่ายพันธุ์นี้เป็นที่นิยมเลี้ยง จนมีการตั้งมอตโต้ของกระต่ายสาย พันธุ์นี้ ว่าเป็น ฮอลมาร์กบรีด (The Hallmark Breed) หรือเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่เป็นตรา เครื่องหมายของกระต่ายเลยทีเดียว

นอกจากนี้ ฮอลแลนด์ลอป ยังจัดได้ว่าเป็นกระต่ายกลุ่มหูตกที่มีขนาดเล็กที่สุด และมีลักษณะเด่นที่หัวกลมโต ดูน่ารักเหมือนตุ๊กตา น้าหนักน้อย ลำตัวสั้ น หูสั้ น ไหล่กว้างหนา และมีความสูงสมดุลกั ทั้ งตัว ในเพศผู้จะมีขนาดลำตัวและหัวที่ใหญ่กว่าเพศเมีย ส่วนน้าหนักของตัวผู้ที่เหมาะสมเมื่อโตเต็มที่ คือ 1.6 กิโลกรัม ตัวเมีย 1.7 กิโลกรัม และนํ้าหนักมากที่สุดที่พบคือ 1.8 กิโลกรัม ส่วนชื่อเรียกของ กระต่ายพันธุ์ฮอลแลนด์ลอปนั้น ในแต่ละประเทศจะเรียกแตกต่างกันไป เช่น ในประเทศอังกฤษ จะเรียก ฮอลแลนด์ลอป ว่า “มินิลอป” แต่เรียก มินิลอป ว่า “ดวอฟลอป”

ความแตกต่างระหว่างเจ้าหูตกฮอลแลนด์ลอป และมินิลอปนั้น เห็นได้จาก ฮอลแลนด์ลอป จะมีหัวที่กลมกว่ามินิลอป และมีน้ำหนักตัวที่น้อยกว่ามาก คือประมาณ 1.6-1.8 กิโลกรัม ในขณะที่มินิลอป จะหนักกว่าถึงสองกิโลกรัมเลยทีเดียว (ประมาณ 2.5-2.7 กิโลกรัม) และเมื่อโตเต็มที่ ใบหน้าความยาวของหู และสัดส่วนระหว่างหัวกับตัวจะแตกต่างกันอย่างชัดเจน แต่ที่แตกต่างมากที่สุด ก็คือ เรื่องของ ขน ซึ่งกระต่ายฮอลแลนด์ลอปสายพันธุ์แท้จะมีขนที่นุ่มลื่นเป็นเอกลักษณ์

ส่วนในเรื่องของสีสัน เจ้าหูตกฮอลแลนด์ลอป ก็เป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่มีสีสันให้เลือกมากมาย โดยสามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มสีต่าง ๆ ได้มากถึง 7 กลุ่มสี คือ กลุ่มอะกูติ (Agouti) , กลุ่มสีขาวแต้ม (Broken) , กลุ่มสีขาวมีมาร์กกิ้งแปดแต้ม (Pointed White) , กลุ่มสีพื้น (Self) , กลุ่มสีเฉด (Shaded) , กลุ่มสีพิเศษ (Ticked) และกลุ่มสีอื่น ๆ (Wide Band) ซึ่งได้รับการรับรองโดย ARBA แล้วทั้งสิ้น และในปัจจุบันได้มีสีอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้รับการรับรองเมื่อประมาณต้นปี พ.ศ. 2548 คือ กลุ่มสร้อยทอง หรือ ออตเตอร์

และเจ้าหูตกอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่หลาย ๆ คนนิยมเลี้ยงในปจจุบันก็คือ อเมริกันฟัซซี่ลอป(American Fuzzy Lop) กระต่ายขนาดเล็ก จัดอยูในกลุ่มกระต่ายแคระเช่นเดียวกัน แต่มีลักษณะเด่นที่เห็นได้ชัด คือ หูตกแนบข้างแก้มสวยงาม และขนยาวสลวย ส่วนลักษณะเด่นอื่น ๆ ของสายพันธุ์นี้ ก็คือ ลำตัวสั้น กะทัดรัด หัวกลม ใหญ่ และติดกับหัวไหล่ เหมือนไม่มีคอ หูหนา แบน และยิ่งสั้นยิ่งดี เพราะเป็นการแสดงถึงลักษณะของกระต่ายแคระ หัวและหูปกคลุมด้วยขนสั้นธรรมดา ขนที่หน้าสามารถตัดแต่งได้ตามความเหมาะสมและสวยงาม ขาหลังมีขนธรรมดา

ส่วนขนที่ตัวจะหนาแน่นเสมอกันตลอดทั้งตัว มีลักษณะขนค่อนข้างหยาบ และยาวไม่น้อยกว่า 2 นิ้ว ด้วยลักษณะของ ขนของเจ้าหูตก อเมริกันฟัซซี่ลอป ที่มีสองแบบ คือ ขนชั้นในที่นุ่มฟู และมีขนาดสั้นกว่าขนชั้นนอกที่มีความยาวและแลดูหยาบกว่าขนชั้นใน ทำให้ดูเหมือนว่าเจ้ากระต่ายพันธุ์นี้มีขนาดที่ใหญ่เกินกว่าความเป็นจริง ทั้งที่น้ำหนักของเค้าไม่ได้มากอยางที่คิด โดยตัวผู้จะมีนํ้าหนักเมื่อโตเต็มที่คือ 1.6 กิโลกรัม และตัวเมีย 1.7 กิโลกรัม ส่วนน้าหนักมากที่สุดของสายพันธุ์นี้ คือ 1.8 กิโลกรัม

อเมริกันฟัซซี่ลอป มีกลุ่มสีตามมาตรฐาน ARBA 6 กลุ่มสี ได้แก่ กลุ่มสีพื้น (Self Group) กลุ่มสี ขนอะกูติ (Agouti Group) กลุ่มสีเฉด (Shaded Group) กลุ่มสีขาวมีแปดแต้ม (Pointed White Group) กลุ่มขาวลายแต้มสีต่าง ๆ (Broken Group) และกลุ่มสีอื่น ๆ (Wide Band Group)

มือใหม่เพิ่งเลี้ยงกระต่าย มีสิ่งที่ต้องระวังจ้า

1.อาหารน้อง
กระต่ายอายุยังไม่ถึง 6 เดือน แนะนำให้กินแต่หญ้ากับอาหารเม็ดเท่านั้นนะคะ ระบบย่อยเค้ายังไม่ดี
ถ้ากินอย่างอื่น เสี่ยงต่อท้องเสียมาก
ผัก ถ้ามียาฆ่าแมลงตกค้างนิดเดียว ทำให้เค้าตายได้เลยนะ

มือใหม่หลายคนที่เลี้ยงกระต่ายแล้วตาย 99.99% ตายจากท้องเสีย
ชอบ โทษว่าที่ร้านให้ยากระต่ายบ้างล่ะ ซื้อที่จตุจักร กระต่ายติดเชื้อโรคบ้างล่ะ จริงๆ มันเกิดจากเอาอื่นๆ ที่นอกเหนือจากหญ้ากับอาหารเม็ดให้เค้ากิน
มันไปรบกวนระบบย่อยอาหาร เค้าเลยท้องเสียตาย

2.อาบน้ำ
ไม่แนะนำให้อาบจ้า เพราะ
1.ปกติกระต่ายรักสะอาด เหมือนแมว ไม่ต้องอาบ
2.กระต่ายเซนเซทีฟมากๆ คะ โดยเฉพาะตอนเด็กๆ
– ขนอาจร่วงได้
– แชมพูอาจจะแรงไปสำหรับเค้า
– เป็นหวัด เป็นปอดบวดได้
3.ถ้าจะอาบ ต้อง 6 เดือนขึ้นไป แต่ก็ยังไม่แนะนำอยู่ดี หรือไม่ก็ต้องนานๆที แบบว่าเน่าจริงๆ และต้องเอาไดร์เป่าจนแห้ง
ห้ามใช้แชมพูคน หรือหมา มันแรงไป ต้องใช้แชมพูเด็กทารก หรือแชมพูที่เขียนว่าอาบน้ำกระต่ายได้เท่านั้น

ถ้า สกปรก เดี๋ยวเค้าก็เลียเองคะ แต่ถ้าเน่าแนะนำให้เอาผ้าชุบน้ำเช็ดดีกว่านะคะ ส่วนที่เหลือ เค้าก็เลียตัวเค้าเองแหละคะ กระต่ายรักสะอาดอยู่แล้ว

3.แทะกรง o26HAMS26o
ต้อง ปล่อยเค้าวิ่งเล่นนอกกรงทุกวันนะคะ กระต่ายไม่ชอบอยู่ในกรงหรอก สังเกตได้จากเค้าจะกัดกรง หรืออาละวาด แสดงว่าเค้าเครียด อยากออก
ถ้าปล่อยให้เค้าวิ่งทุกวัน แต่ละวันให้วิ่งจนพอใจ พอเอาเข้ากรง เค้าก็จะไม่แทะกรงแล้วจ้า

รู้ได้ไงว่าพอใจ ปล่อยแรกๆ เค้าก็วิ่งๆ ซนๆ ถ้าเริ่มหามุมนอน แสดงว่าเริ่มพอใจแล้ว แต่อย่าเพิ่งใจร้ายจับเข้ากรงทันทีนะ
ให้เค้านอนเล่นอีกซักหน่อย ค่อยจับเค้ากรง

*** ถ้าปล่อยตอนเค้าไม่เครียด เค้าจะไม่ค่อยซนนะ อึฉี่เป็น แต่ถ้าปล่อยตอนเครียด (แทะกรง อาละวาด) พอออกมานะจะซนมากกกกกกก
อึฉี่เรี่ยราด ฉี่ตรงไหนไม่สน แบบว่าขอเล่นก่อน ***

4.ฝึกกระต่ายเข้าห้องน้ำ
นิสัยกระต่าย เค้าฉี่เป็นที่นะ แต่ต้องฝึกให้ถูกที่หน่อยเท่านั้นเอง (แต่อึ ก็แล้วแต่ตัวนะ)

เค้าจะชอบฉี่แถวๆ ที่เค้าเคยฉี่ เช่น ถ้าเค้าเคยเผลอฉี่แถวนี้ เวลาเค้าจะฉี่เค้าก็จะมาที่แถวๆที่เดิม เพราะว่ามัีนมีกลิ่นอยู่ไง
เราต้องเช็ดกลิ่นออกให้หมดนะ โดยเฉพาะแถวที่เราำไม่อยากให้เค้าฉี่อ่ะ ใช้น้ำเปล่าเช็ดไม่หมด ต้องใช้น้ำยา (บางคนก็ใช้เดทตอล)

ให้เอาห้องน้ำไปวางไว้แถวๆ ที่เค้าชอบฉี่
ต่อไปให้เอาทิชชู่เช็ดฉี่ แล้วเอาไปไว้ในห้องน้ำเค้า เอาเค้าไปดม

ถ้าเห็นเค้าทำท่าจะฉี่ หรือเผลอฉี่ ให้รีบอุ้มไปไว้่ที่ห้องน้ำ ไม่ต้องกลัวนะเค้าำไม่ฉี่ใส่เราหรอก อุ้มปุ๊ป ก็หยุดฉี่แล้ว
วางเค้าไว้ที่ห้องน้ำ ก็ลูบๆ เค้าแหละ แบบว่าให้ฉี่เสร็จก่อนถึงปล่อยให้ไปวิ่งเล่น ทำบ่อยๆ เดี๋ยวเค้าก็รู้เอง

เหมือนเดิม ตรงที่เค้า้ฉี่ก็ไปเช็ดให้หมดกลิ่น ถ้ายังฉี่อีก แสดงว่ามีกลิ่น ก็ต้ัองไปเช็ดอีก

ห้องน้ำกระต่าย 170-200 บาท

5.พูด กับเค้าบ่อยๆ นะ เค้ารู้เรื่อง  ปั้ง..
แบบว่าฟังจากน้ำเสียง ลูกเรานะพอซน เราก็เรียกชื่อแบบดุๆ เค้าก็รู้ว่าโดนดุ รีบหนีใหญ่เลย กลัีวโดนจับเข้ากรง
(พอซนทีไรก็จะโดนดุ และจับเข้ากรง)
บางทีลูกเรากำลังซนๆ อยู่ พอเราเดินมา รีบหยุดแล้วทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ประมาณว่าไม่รู้ไม่ชี้ ไม่ได้ซนนะ แล้วก็ทำเป็นวิ่งไปเล่นที่อื่น (555 แสบไหมล่ะลูกชายเรา)

6.น้ำ
แนะนำให้ใส่ขวด หากใส่ถ้วย เวลาน้องกิน น้ำจะเข้าจมูก น้องจะเป็นหวัดได้

7.ป่วย
น้องป่วยเป็นอะไร ห้ามให้ยากินเองเด็ดขาด และรีบพาไปหาหมอโดยด่วน
อย่าคิดว่าเล็กน้อย ถ้ากระต่ายถึงขั้นชั๊ก ภายใน 5 นาที ก็บ๊ายบายได้เลย
กระต่ายแพ้แอสไพรีน

8.กระต่ายเด็ก หรือไม่กิน ไม่อึ ไม่ฉี่
แนะนำให้ไปซื้อนมแพะที่เป็นกระป๋อง (กระป๋องเท่่านมข้น ราคาประมาณ 70 บาท)
นมที่สำหรับเลี้ยงลูกแมว (เ้ป็นผง ชงเอง)
อุ่นให้ร้อน แต่ทิ้งให้หายร้อนก่อนนะคะ ให้ทดสอบกับหลังมือว่าร้อนไปไหม

เว๋อ.. ห้ามใช้นมวัวเด็ดขาด กระต่ายจะท้องเสีย
ใช้ดรอปเปอร์ป้อน(อันละ 10 บาท)

อุ้มแบบเด็กกินนมอ่ะจ้า
แรกๆ ต้องบังคับกิน พอผ่านไปสัก 2 วันนะ ดูดไม่ปล่อยเลย

อาหารก็ไว้ในกรง ลองสังเกตดูว่าเค้าเริ่มกินก็ค่อยๆ ลดนมลงค่ะ

ของเรา 1 อาทิตย์ค่ะ กว่าจะกินอาหารเป็น
ถ้าเค้าเริ่มกินอาหาร เดี๋ยวเค้าก็จะอึจ้า

9. เสริมเรื่องอาหาร

– ไฟเบอร์เป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับกระต่าย สำคัญกว่าวิตามินอีก
ถ้า เป็นไปได้ควรจะให้หญ้าขนสดทุกวัน แนะนำให้ล้างน้ำให้สะอาด อาจจะใช้ด่างทับทิมล้าง แต่ถ้าำไม่มีก็ใช้น้ำเปล่าค่ะ ล้างสารตกค้าง ไร ไข่แมลงออก

– หญ้าอัฟฟาฟ่า มีโปรตีนเยอะ (ไฟเบอร์ไม่เท่าหญ้าขน)
เหมาะกับกระต่ายเด็ก (ตั้งแต่หย่านม ถึง 6 เดือน ) เพราะเด็กต้องการโปรตีนในการเจริญเติบโต
เหมาะกับกระต่ายท้อง ช่วยบำรุง
1 วันให้แค่ 1 หยิบมือก็เพียงพอ 1 ถุง ประมาณ 199 บาท

– หญ้าทีโมที ไฟเบอร์เยอะมาก
เหมาะกับกระต่ายโต 6 เดือนขึ้นไป เปลี่ยนจากอัฟฟาฟ่า มาเป็นทีโมทีแทน กระต่ายโตต้องการไฟเบอร์มากๆ ช่วยระบบย่อย
เหมาะกับหาหญ้าขนให้กินทุกวันไม่ได้จริงๆ ก็แนะนำให้เสริมทีโมทีค่ะ 1 ถุง ประมาณ 199 บาท

– หญ้าแห้งแพงโกล่า ไฟเบอร์ไม่เยอะเท่าหญ้าขน แนะนำให้มีติดกรงไว้ตลอดค่ะ น้องจะได้เคี้ยวเล่น ลับฟันไปในตัว ถ้าอาหารหมด จะได้มีอะไรกินด้วย เป็นหญ้าที่ราคาถูกมั๊กๆ ถุงใหญ่สูงเกือบเท่าเข่า ราคาแค่ 60 บาทเอง กินได้ 3-6 เดือน

– อาหารเม็ด
ควรดูไฟเบอร์ด้วยว่ากี่เปอร์เซนต์ ยิ่งเยอะยิ่งดี กลางๆ ก็ 16% และไม่มีส่วนผสมของกระถิน ปลาป่น

* อาหารกระต่าย ดีที่สุดก็ OXBOW ไฟเบอร์เยอะมาก ราคาค่อนข้างสูงนิดนึง
เด็กสูตร A เหมาะกับกระต่าย หย่านมถึง 6 เดือน มีอัฟฟาฟ่าเยอะ เลยย่อว่า A 1 ถุง 2.25 กิโล 340 บาท
โตสูตร T เหมาะกับกระต่าย 6 เดือนขึ้นไป มีทีโมทีเยอะ เลยย่อว่า T 1 ถุง 2.25 กิโล 440 บาท
เป็นของดี แต่น้องกระต่ายส่วนใหญ่ไม่ค่อยชอบกิน แต่เดี๋ยวหิวเค้าก็กินเองแหละ

* อาหารถูกที่โอเคก็ Sun Rabbit ไม่มีกระถิน ปลาป่น 1 กิโล 20 บาท คุณภาพกลางๆ

* ยี่ห้อ CP ถุงสีชมพูไม่ค่อยแนะนำนะคะ อ้วนอย่างเดียว ไฟเบอร์น้อยมาก วิตามินก็ไม่มี
แต่น่าแปลก ไม่รู้ใส่กัญชามารึเปล่า อย่าได้เผลอให้ลูกกิน จะติดกันงอมแงม ไม่ยอมกินยี่ห้ออื่น
ของไม่มีประโยชน์ชอบกินจัง 1 ถุง 1 กิโล 45-65 บาท

* ไบร์เทอร์บันนี่ ถุงสีฟ้า เป็นของCP ไฟเบอร์กลางๆ ประมาณ 16% เค้าจะเน้นเสริมวิตามิน คุณภาพกลางๆ
สงสัยจะใส่กัญชาเหมือนกัน กระต่ายติดงอมแงม 1 ถุง 1 กิโล 90 บาท

* จริงๆ มีอีกหลายยี่ห้อค่ะ บางยี่ห้อก็ลดกลิ่นฉี่ ลดการเกิดก้อนขนในท้อง แล้วแต่คุณแม่ต้องการเสริมอะไร ก็เอาไปผสมกับยี่ห้ออื่นที่ไฟเบอร์เยอะนะคะ เพราะพวกนี้จะไฟเบอร์กลางๆ

****สำหรับคนงบน้อย แนะนำว่าอย่าซื้อแค่ยี่ห้อถูกๆ แต่ควรจะมียี่ห้อดีๆ ผสมไปด้วย เช่น
หลักๆ ก็ให้ Sun Rabbit แต่ควรซื้อOXBOW ผสมลงไปให้กินด้วย จะได้ประโยชน์มากกว่าซื้อยี่ห้อกลางๆ อีกนะคะ และเสริมหญ้าทุกวัน****

10. วิธีเปลี่ยนอาหารเม็ด แนะนำให้ค่อยๆ เปลี่ยนนะคะ ผสมใหม่ 1 ส่วน เก่า 10 ส่วนก่อน แล้วค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เปลี่ยนทันทีกระต่ายจะเครียด บางทีอาจท้องเสียเพราะปรับไม่ทันก็มีค่ะ

11. วิธีเลือกกรง แนะนำให้ซื้อดีๆ ค่ะ
เราเคยซื้อถูกๆ ไป กรงละ 200 บาท ที่ชุบสีๆ สีขาว ฟ้า ชมพู
ไอ้ พวกนั้นไม่ถึง 2 เดือน โดนแทะเรียบ ถ้าน้องกินก็อันตราย แรกๆ ก็จะรู้สึกว่ากรงใหญ่สำหรับน้อง ไม่ถึง 3 เดือนก็อยู่ไม่ได้แล้ว กระต่ายจะตัวโตเท่าแมวอ้วนๆ นะคะ บางตัวก็โตกว่านั้น

เรางก ซื้อแต่ถูกๆ ปรากฎว่าไม่ถึงปี เปลี่ยนกรงที่ 3 แล้ว พอโดนแทะแล้วสนิมมันขึ้นง่าย
ก็เลยซื้อดีๆ เลย กรงโครเมี่ยมดีมาก คอนเฟิร์ม

เราซื้อร้านป้า…(อยากรู้ถามหลังไมค์นะคะ) จตุจักรพลาซ่า โซน D ซอย 9
-โครเมี่ยมเบอร์ 3 — 600 บาท กว้าง 42 cm ยาว 59 cm สูง 43 cm
-โครเมี่ยมเบอร์ 2 — 900 บาท กว้าง 50 cm ยาว 76 cm สูง 60 cm
-สีระเบิดเบอร์ 3 — 500 บาท
-สีระเบิดเบอร์ 2 — 600 บาท

โครเมี่ยม กับ สีระเบิดเบอร์

1. ข้อดีโครเมี่ยม กับ สีระเบิดเบอร์ เด็กแทะไม่ได้
2. ถ้ากรงเปียก สนิมจะขึ้นง่าย ทุกครั้งที่ล้างต้องรีบเช็ดให้แห้ง จะทำให้สนิมขึ้นช้า
3. สีระเบิดหนักมั๊กๆ โครเมี่ยมเบากว่า โครเมี่ยมเบอร์ 3 ผู้หญิงหนัก 40 กิโลอย่างเราแบกขึ้นรถเมล์สบายๆ
4. โครเมี่ยมเป็นสนิมช้ากว่า
5. เบอร์ 2 ใหญ่กว่าเบอร์ 3
6. กระต่ายตัวเดียว อย่างน้อยต้องเบอร์ 3 กระต่าย 2 ตัว ต้องเบอร์ 2 ค่ะ
7. ถ้าอยากได้กรงไม่เป็นสนิมเลย ต้องสแตนเลส ที่เป็นกรงหมา เท่าที่รู้ราคา 5,000 บาท

12. วิธีเลือกน้องกระต่าย
**ถ้ากระต่ายตาปลือ เหมือนง่วงนอนตลอดเวลา เดินไม่แข็ง เหมือนจะนอนตลอด
แสดงว่าเป็นกระต่ายเด็ก ยังไม่หย่านม ไม่ควรซื้อ
**เอาน้องที่ดูแข็งแรง ซนๆ จับขึ้นมาแล้วเค้าถีบๆ เอาตัวนั้นล่ะจ้า แข็งแรงดี
ถ้าไม่ต่อต้าน อ่อนปวกเปียก — ไม่ควรซื้อ ไม่แข็งแรง
**ก้นต้องไม่มีอึเละๆ ติดขน — ถ้ามีแสดงว่าท้องเสีย
**ดูฟันด้วย ฟันต้องไม่เก ต้องยาวเท่ากัน — ถ้ามีไม่ควรซื้อ เพราะต้องพาไปตัดฟันบ่อยๆ
**กระต่ายต้องไม่ขาแป ยืนได้ เดินได้ — ถ้ามีไม่ควรซื้อ กระต่ายพิการเดินไม่ได้

1375268501-9720601015-o

acf3a-thai

 

10 สุดยอดความเข้าใจผิด ๆ เกี่ยวกับ กระต่าย

รูปกระต่าย

10 ข้อ สุดยอดความเข้าใจผิด ๆ เกี่ยวกับกระต่าย ที่คุณอาจฆ่าชีวิตน้อยๆโดยที่ไม่รู้ตัว
โดย คุณ k3v1n : pantip.com

ในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ ผู้คนจำนวนไม่น้อย เริ่มต้น พ.ศ.ใหม่ ด้วยการหาซื้อ กระต่ายน้อยน่ารัก เป็นของขวัญของฝาก เพื่อนสนิท ญาติมิตร และคนที่รัก เพื่อเสริมมงคล และเป็นสัตว์นำโชคในปีเถาะ 2554 โดยหารู้ไม่ว่า กระต่ายน้อย นั้นหนา ไม่ใช่สัตว์ที่คิดจะเลี้ยง ก็เลี้ยงได้ง่าย ๆ เพราะมันเสี่ยงตายสูง หากไม่เรียนรู้วิธีการเลี้ยง กระต่าย ที่ถูกต้องเสียก่อน

นอกจากนี้ คนจำนวนมาก ยังมีความเชื่อผิด ๆ กับกระต่าย จนทำให้น้องกระต่ายมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน ต้องจากโลกไปก่อนวัยอันควร วันนี้เราจึงนำเกร็ดความรู้ การเลี้ยงกระต่ายมาฝากกันค่ะ

1. กระต่ายเลี้ยงง่าย เหมาะสำหรับซื้อให้เด็กมาเลี้ยงเล่น

รูปกระต่าย

การซื้อกระต่ายให้เด็กเลี้ยงเล่น คือการทรมานสัตว์ เด็ก ๆ ส่วนมากมักไม่รู้วิธีดูแลกระต่าย ไม่รู้วิธีเล่นกับกระต่ายอย่างอ่อนโยน และอยากได้สัตว์ที่เอามาอุ้มเล่นกอดเล่นได้ แต่กระต่ายส่วนมากเป็นสัตว์ที่บอบบางมาก ๆ เป็นสัตว์ที่ถูกล่า การกระทำรุนแรงกับเขาเพียงนิดเดียวจะทำให้กระต่ายไม่ไว้ใจคนและเครียด แม้กระต่ายบางตัวจะยอมให้อุ้ม แต่บางตัวก็ไม่ยอมให้อุ้ม

สัญชาตญาณของกระต่าย คือ อยากอยู่กับพื้น อยู่ในโพรงที่เขารู้สึกปลอดภัยมากกว่า ถ้าไม่มีผู้ใหญ่ที่ให้ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับกระต่าย และคอยไม่ให้เด็กแกล้งกระต่าย การซื้อกระต่ายเป็นเพื่อนให้เด็กโดยไม่ได้ศึกษาข้อมูลที่ถูกต้อง เป็นอะไรที่ไม่สมควรทำเป็นอย่างยิ่ง

รูปกระต่าย

2.กระต่ายอึเหม็น

อึของกระต่ายปกติจะไม่เหม็น ที่เหม็นคือฉี่ของกระต่าย จริง ๆ แล้ว เราสามารถฝึกกระต่ายให้เข้าห้องน้ำเป็นที่เป็นทางได้ โดยเขาอาจจะมีมุมห้องน้ำที่เขาชอบ(อาจจะมีสองสามมุม) เราแค่เอาห้องน้ำกระต่ายไปวางไว้ เขาก็จะจำกลิ่นและเข้าห้องน้ำได้เป็นที่เป็นทาง แต่ที่ไม่ควรทำคือเอาห้องน้ำของแมวที่มีสารดับกลิ่นมาใช้กับกระต่าย ถ้าจะรองก็ควรใช้แค่ขี้เลื่อย หรือหนังสือพิมพ์แทน

3. กระต่ายเป็นสัตว์ที่เลี้ยงง่าย ราคาถูก

การเลี้ยงกระต่ายไม่เหมือนเลี้ยงปลาหรือหนูแฮมสเตอร์ ค่าตัวของน้องเขาอาจแค่ไม่กี่ร้อยถึงหลักพันบาทเท่านั้น แต่ค่าดูแลรักษานั้นสูงกว่ามาก ๆ เช่น ค่าอุปกรณ์ อาหาร ค่าหมอ ฯลฯ นอกจากนี้คือ ค่าสิ่งของที่น้องเขาอาจไปทำลาย เนื่องจากกระต่ายมีนิสัยที่ห้ามไม่ได้คือ ชอบขุด และชอบแทะ เป็นเหมือนกันทุกตัว สายคอมพิวเตอร์ สายไฟ ฯลฯ ทั้งหมดต้องเก็บซ่อนให้พ้นฟันกระต่าย

รูปกระต่าย

4. หิ้วด้วยหู

กระต่ายน้อยของคุณไม่ใช่ Bug Bunny ! หูของกระต่ายเป็นบริเวณที่อ่อนไหวมาก ๆ การที่หิ้วหูแล้วน้องเค้าไม่ร้อง ไม่ได้แปลว่าเขาไม่เจ็บ

การหิ้วหูอาจทำให้เจ็บถึงตายได้….ย้ำอีกครั้ง ห้าม หิ้ว หู กระต่าย เป็น อัน ขาด!!

สำหรับวิธีอุ้มที่ถูกวิธีคือ เอามือดึงบริเวณหลัง แล้วเอามือพยุงก้นอีกข้างเพื่อช่วยรองรับน้ำหนัก หรืออาจใช้วิธีการช้อนใต้ท้องให้ขาหน้าอยู่ระหว่างนิ้วแล้วเอามืออีกข้างพยุงก้น โดยวิธีนี้เราอาจจะพอดึงเข้ามากอดได้ แล้วแต่นิสัยของกระต่าย

รูปกระต่าย

5. กระต่ายกินผักบุ้งกับแครอท เป็นอาหารหลัก

อะไรที่กระต่ายกินเข้าไป ไม่ได้แปลว่ากินไปแล้วจะไม่มีปัญหา แครอทกินได้บ้าง แต่ผักบุ้ง ไม่สมควรเป็นอันขาด เพราะมียางสูง เขาไม่สามารถย่อยได้ กระต่ายเป็นสัตว์กินพืช แปลว่าไม่กินเนื้อสัตว์ (ต้องเขียนย้ำเพราะยังมีผู้เลี้ยงบางคนเอาเนื้อสัตว์ให้กิน)

สำหรับอาหารที่มีแป้งสูง กินไม่ได้ทั้งนั้น เช่นมัน ขนม ผักบางชนิด แคลเซียมสูงเกินไป กระต่ายกินแล้วเป็นนิ่วได้ อาหารหลักที่ดีที่สุดสำหรับกระต่ายคือ หญ้า สามารถซื้อหญ้าแห้งตามร้านอุปกรณ์สัตว์เลี้ยง หรืออาจจะเก็บหญ้าขนสดข้างทางนำมาล้างให้สะอาดก็ทำได้ ส่วนผักนั้นกินได้เป็นบางชนิด สำหรับบางชนิดนั้นไม่ดีต่อกระต่ายเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้เกิดอาการท้องผูกหรือท้องเสีย ซึ่งเป็นอาการที่เป็นอันตรายถึงชีวิต แค่ให้อาหารผิด ลืมล้างผัก อาจทำให้ท้องเสียถึงตายได้ ดังนั้น ผู้เลี้ยงควรศึกษาเรื่องโภชนาการสำหรับกระต่ายก่อนอย่างยิ่ง

รูปกระต่าย

6. กระต่ายแคระ

กระต่ายแคระตัวหนักไม่ถึงหนึ่งกิโลกรัมมีจริง คือพันธุ์ Netherland Dwarf หรือ ND สำหรับกระต่ายบ้านที่เอามาเลี้ยงพันธุ์เล็ก ๆ อีกสายพันธุ์คือ Holland Lop น้ำหนักอยู่ที่ประมาณหนึ่งกิโลกรัมปลาย ๆ ….อ้าว แล้วอันนี้เข้าใจผิดตรงไหน??

กระต่ายที่วางกระจาดขายหรือใส่กรงเล็ก ๆ ขายตามตลาดนัดที่คนขายอ้างว่าเป็น “กระต่ายแคระ” ส่วนมากไม่ใช่ กระต่ายแคระจริง ๆ ราคาหลักร้อยไม่มีแน่นอน โดยมากจากฟาร์มราคาจะหลักพัน ซึ่งส่วนมากที่นำมาขายคือกระต่ายเด็ก.. หรือกระต่ายที่ไม่หย่านม โดยกระต่ายเหล่านี้มักจะถูกนำมาขายเมื่ออายุได้แค่เดือนเดียว ซึ่งยังไม่มีภูมิคุ้มกันที่ต้องการ ร้อยละ 95 ของผู้ซื้อ เลี้ยงไม่รอด และกระต่ายจะตายภายในไม่กี่อาทิตย์ เชื่อว่ากระต่ายที่หลายคนแห่ไปซื้อกันช่วงปีใหม่ก็ติดโผในนี้ด้วย

ถามว่าทำไมถึงยังมีขายอยู่?… คำตอบคือ เนื่องจากมี demand ก็ต้องมี supply ถ้าหยุดซื้อ.. ก็จะหยุดคนขายได้ เลิกซื้อนะครับ กระต่ายเด็ก

รูปกระต่าย

7.เลี้ยงกระต่ายต้องเลี้ยงเป็นคู่ เดี๋ยวน้องเค้าเหงา

กระต่ายต้องการความรักตลอดเวลา สำหรับวิธีแสดงความรักของกระต่ายคือ การเลียมือ เข้ามาคลอเคลีย กระต่ายเป็นสัตว์ที่ชอบการสัมผัสมาก ๆ การที่เรามีเวลาให้เขาหนึ่งชั่วโมงต่อวัน แค่นี้ก็เพียงพอ เลี้ยงตัวเดียวก็ไม่เหงา

จริง ๆ เคยอ่านบทความของฝรั่งเขาว่ากระต่ายมีแนวโน้มที่จะเข้ากับสัตว์อื่น(คน) ได้มากกว่ากระต่ายตัวอื่นด้วยซ้ำ เพราะกระต่ายบางทีมีการหวงพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวผู้ vs ตัวผู้ ส่วนการเลี้ยงกระต่ายร่วมกับสัตว์อื่น เช่น แมว และสุนัข แนะนำว่าต้องศึกษานิสัยของสัตว์เลี้ยงเดิมอย่างดีก่อน แล้วก็ต้องคอยเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เพราะความผิดพลาดครั้งเดียวเป็นการสูญเสียได้

ส่วนคนที่ซื้อกระต่ายเป็นคู่ แนะนำอย่างยิ่งว่าให้นำไปทำหมัน เพราะกระต่ายใช้เวลาตั้งท้องเพียงเดือนเดียวเพื่อคลอดลูกมา 4-5 ตัวต่อครอก การเลี้ยงโดยไม่ทำหมัน ปล่อย ๆ มีลูก.. จากสองตัวทวีคูณเป็นยี่สิบได้ภายในไม่กี่เดือน ดังนั้น คิดจะเลี้ยง คิดจะรัก ต้องรู้จักป้องกันนะจ๊ะ

8. เลี้ยงไม่ไหวแล้ว ไปปล่อยป่าดีกว่า

ต่อจากข้อ 7. ผู้เลี้ยงบางท่าน (คนใกล้ตัวก็มี) เลือกที่จะปล่อยกระต่าย ด้วยเหตุผลที่ว่าเลี้ยงไม่ไหว เบื่อ ไม่เห่อแล้ว ลูกออกมาเยอะเกิน ที่หอไม่ให้เลี้ยง (ไม่ถามก่อนฟะ?) ฯลฯ

การปล่อยกระต่ายเข้าป่า = ฆ่ากระต่าย

กระต่ายบ้าน (rabbit) ไม่เหมือนกระต่ายป่า (hare) สัญชาตญาณการเอาตัวรอดอะไรไม่ดีพอที่จะอยู่รอดในฝูงนักล่า ถึงอยู่รอดจากหมาแมวได้ ก็จะเจอกับปัญหาเรื่องอาหารการกิน ฯลฯ สำหรับกรณีที่ไม่ไหวจริง ๆ ให้ลองเสิร์จหาเกาะกระต่าย บึงฉวาก กันดูนะ

รูปกระต่าย

9. กระต่ายโง่ กินกับนอนเป็นอย่างเดียว

จริง ๆ แล้วกระต่ายค่อนข้างฉลาดพอสมควร เพียงแต่ไม่ฉลาดประจบเอาใจเหมือนหมาแมว แต่มักจะฉลาดเอาตัวรอด ฉลาดที่จะหาอะไรให้ตัวเอง เพราะกระต่ายเป็นสัตว์ที่มีโลกส่วนตัวสูง การจะฝึกให้ทำอะไรตามใจเจ้าของเป็นเรื่องที่ยากมาก ๆ ถ้าไม่มีแรงจูงใจให้กับเขาเอง ทั้งนี้ ผู้เลี้ยงกระต่ายหลายคนจะพบว่า กระต่ายจะมาหาเรา เมื่อเขาอยากมาหา เวลาที่เขาไม่อยากมาอ้อนเรา เรียกให้ตายยังไงเขาก็ไม่มา

บางครั้งเขาอาจจะเข้าใจว่าเราอยากให้เขาทำอะไร แต่ในใจเขาอาจจะคิดว่า “แล้วไง แล้วฉันจะได้อะไร?” …กระต่ายสามารถถูกฝึกให้เข้าห้องน้ำเป็นที่ได้ วิ่งขึ้นลงบันไดเป็น เปิดประตูเปิดกรงเอง บางตัวจำชื่อตัวเองได้ด้วยล่ะ

รูปกระต่าย

10. กระต่าย ตายง่าย.. อายุสั้น
เป็นความเชื่อที่ผิด ส่วนหนึ่งมากจากผู้เลี้ยงกระต่ายเด็กแล้วไปไม่รอด ตายภายในไม่กี่วัน ส่วนผู้เลี้ยงกระต่ายอื่น ๆ ทั่วไป ที่อาจดูแลไม่ดี หรือไม่ได้ศึกษาข้อมูลเพียงพอ หรือเลี้ยงแบบตามใจ อาจจะอยู่ได้เพียง 3-4 ปี แต่อายุขัยของกระต่ายจริง ๆ คือ 8-12 ปี ถ้าเลี้ยงดูอย่างดี พาไปทำหมันเรียบร้อย ไม่เครียดไม่อะไร น้อง ๆ จะอยู่กับเราได้นาน

ทั้งนี้ การเลี้ยงกระต่ายต้องอาศัยความเอาใจใส่ ความรัก และการสังเกตตลอดเวลา ความที่เป็นสัตว์ถูกล่า กระต่ายมักจะไม่แสดงอาการป่วยจนกว่าจะไม่ไหวจริง ๆ ในขณะเดียวกัน กระต่ายเป็นสัตว์ที่ไม่มีเสียงร้อง ไม่สามารถร้องอ้อน หรือส่งเสียงไม่สบายใจใด ๆ กระต่ายจะร้องได้ก็ต่อเมื่อทรมานสุด ๆ และเจ็บสุด ๆ เป็นเสียงก่อนตายเท่านั้น

เพราะอย่างนี้กระมัง นักวิจัยถึงมักเอากระต่ายเป็นสัตว์ทดลองยา ดังนั้น…เมื่อรักจะเลี้ยงกระต่ายแล้ว ต้องดูแลให้สุดชีวิตด้วยนะจ๊ะ

อาหารหลักของกระต่าย

อาหารของกระต่าย

 น้ำ

        น้ำเป็นโภชนาการที่สำคัญที่สุด น้ำที่สะอาด และเปลี่ยนใหม่อยู่เสมอ เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้เลี้ยงจะละเลยไม่ได้ ถ้าหากกระต่ายขาดน้ำกระต่ายจะไม่ยอมทานอาหารอะไรเลย จึงแนะนำว่าควรเปลี่ยนน้ำเช้า-เย็น นอกจากนี้อาทิตย์หนึ่งๆ ควรมีสักวันหยดวิตามินรวม น้ำสีแดงๆ ให้กระต่ายสัก 2-3 หยด ต่อน้ำครึ่งลิตร เพื่อให้กระต่ายได้รับวิตามินบางตัวที่ไม่มีในอาหาร เช่นวิตามินบี ซีและเค การผสมวิตามินลงในน้ำสามารถช่วยลดอาการเครียดและเป็นผลดีต่อกระต่ายแม่พันธุ์ที่ผสมติดต่อกันหลายครอก น้ำเป็นสิ่งจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของกระต่ายและโดยเฉพาะในกระต่ายขน น้ำจะช่วยให้ขนกระต่ายมีคุณภาพที่ดี จำไว้ว่าลิ้นของกระต่ายค่อนข้างไวต่อรสชาติของน้ำที่เปลี่ยนไป และในบางครั้งเค้าอาจจะไม่ยอมดื่มน้ำที่แปลกกว่าที่เคยทาน แม้ว่าจะเป็นช่วงระยะเวลาอันสั้น ที่กระต่ายขาดหรือไม่ยอมทานน้ำ แต่สิ่งนี้อาจจะส่งผลให้เกิดเมตาโบลิซึมของการสร้างขนที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งอาจจะทำให้ขนกระต่ายพันกันได

2012-13-12-23-13-15_118.175.208.220

อาหารสำเร็จรูป

   อาหารเม็ดสำเร็จรูปที่มีสารอาหารครบถ้วนและสัดส่วนพอเหมาะ เป็นสิ่งจำเป็นต่อการเจริญเติบโตและสุขภาพของกระต่าย กระต่ายทั่วไปมีความต้องการโปรตีน 14-17 เปอร์เซ็นต์ ไขมัน 2-4 เปอร์เซ็นต์ และไฟเบอร์อย่างน้อย 16 เปอร์เซ็นต์ โดยทั่วไปอาหารเม็ดสำเร็จรูปตามท้องตลาดมักจะมีอัตราส่วนอย่างพอเหมาะอยู่แล้ว และยังมีสารอาหารอื่นๆที่จำเป็นเช่น วิตามินและเกลือแร่ แต่ผู้เลี้ยงสามารถผสมหรือให้ผักผลไม้อื่นๆ เพิ่มเติมอีกได้ โดยสามารถให้อาหารกระต่ายทุก 12 ชั่วโมง แต่เนื่องจากกระต่ายเป็นสัตว์ที่หากินในเวลากลางคืน ฉะนั้นเวลาที่เหมาะสมสำหรับการให้อาหารคือในช่วงเช้าตรู่และตอนหัวค่ำ กระต่ายเล็กอายุน้อยกว่า 3 เดือนควรจะได้รับอาหารเม็ดอย่างพอเพียง อาหารเม็ดใหม่ๆ และเปลี่ยนทุกวัน เช้าเย็น ควรจะมีไว้ตลอดอย่าให้ขาด เมื่อกระต่ายอายุมากขึ้น

        การจำกัดอาหารตามปริมาณที่เหมาะสมเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง เพราะปัญหาหลักของการให้อาหารกระต่ายก็คือ การให้อาหารมากเกินไป ถ้าเราให้อาหารเค้ามากเกินไป กระต่ายจะอ้วนและไม่แข็งแรง ซึ่งจะส่งผลโดยตรงกับการผสมพันธุ์ติดยาก เพราะฉะนั้น แม้ว่ากระต่ายจะทานอาหารทั้งหมดที่ท่านให้ แต่ก็ต้องจำกัดอาหารอย่างเคร่งครัด สูตรง่ายๆ ของการให้อาหารเม็ด คือ ให้อาหาร 50 กรัมต่อน้ำหนักกระต่าย 1 กิโลกรัม ต่อวัน

  • กระต่ายขนาดเล็กเล็ก เช่น โปลิช และดัทช์ ให้ทาน 40 กรัมต่อมื้อ
  • กระต่ายหูตกพันธุ์เล็ก เช่น ฮอลแลนด์ลอป และอเมริกันฟัซซี่ลอป ให้ทาน 40 กรัมต่อมื้อ
  • กระต่ายแคระ สายพันธุ์เนเธอร์แลนด์ดวอฟ ให้ทาน 35 กรัมต่อมื้อ
 cavy-food2

 หญ้าขน

        หญ้าขนเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการควบคุมโภชนาการของกระต่าย เพราะหญ้าขนเป็นแหล่งไฟเบอร์อย่างดี ซึ่งช่วยให้กระต่ายมีระบบการย่อยอาหารที่สมบูรณ์ ดังนั้นผู้เลี้ยงจึงควรมีหญ้าขนที่สดและสะอาดไว้ในกรงตลอดเวลา หญ้าขนที่นำมาให้กระต่ายทานควรจะทำความสะอาดเสียก่อน โดยการแช่น้ำผสมด่างทับทิมไว้อย่างน้อย 30 นาที ถ้าไปเก็บมาจากสถานที่ที่เสี่ยงต่อการมียาฆ่าแมลงตกค้างก็ควรจะเลี่ยงหรือแช่ให้นานกว่านั้น เพราะกระต่ายเป็นสัตว์ที่ไวต่อสิ่งมีพิษและอาจจะตายได้ในทันที นอกจากนี้หญ้าขนยังจำเป็นสำหรับกระต่ายพันธุ์ขน เพราะนอกจากจะช่วยป้องกันอาการขนพันกันแล้ว หญ้าขนยังมีส่วนช่วยในการงอกใหม่ของขนอีกด้วย

        หญ้าขนให้ได้ อัลฟัลฟ่าและฟางไม่สมควรให้ อัลฟัลฟ่าเป็นหญ้าชนิดหนึ่งที่มีกลิ่นหอม และกระตุ้นการกินอาหารของกระต่าย แต่ไม่ควรให้มากหรือบ่อยเกินไป เพราะอัลฟัลฟ่ามีโปรตีนสูง ซึ่งจะมีผลต่อไตของกระต่าย อาจะทำให้เกิดอาการไตวายเฉียบพลัน โดยเฉพาะกระต่ายพันธุ์เล็ก โปรตีนที่มากเกินไปจะมีผลเสียต่อไตและอวัยวะภายในอื่นๆ กระต่ายที่ได้รับโปรตีนสูงเกินไป อาจจะมีอาการชักกระตุก หายใจถี่ น้ำมูกไหล และตายอย่างเฉียบพลันในที่สุด ฟางก็ไม่สมควรให้เป็นอาหารกระต่าย เพราะไม่มีคุณค่าทางโภชนาการใดๆ

biodiversity-182171-1

ผลไม้

        กระต่ายสามารถทานผลไม้ได้บางชนิดเท่านั้น เช่น แอ็บเปิ้ล กล้วยน้ำว้า มะละกอ ฝรั่ง ส้ม แครอท สับปะรด สำหรับผลไม้ที่มีน้ำเยอะ เช่น แตงโม แตงกวา ไม่สมควรให้เพราะอาจจะทำให้กระต่ายท้องเสียได้ โดยเฉพาะกล้วยน้ำว้าเหมาะสมสำหรับกระต่ายเล็กที่เพิ่งเริ่มหัดทานอาหารอื่น นอกจากนมแม่ อายุตั้งแต่ 3 สัปดาห์ขึ้นไป เพราะว่ากล้วยน้ำว้ามีโปรตีน แคลเซียมและสารอาหารอื่นๆ ที่จำเป็นต่อพัฒนาการของกระต่ายเด็ก มะละกอเป็นผลไม้ที่มีความจำเป็นสำหรับกระต่ายมาก เพราะว่าช่วยป้องกัน อาการเกิดก้อนขนไปอุดทางเดินอาหาร (Hair Ball) มะละกออบแห้ง เพียงชิ้นเล็กๆ ต่อวัน เป็นสิ่งที่พึงกระทำเป็นกิจวัตร นอกจากนี้ น้ำสับปะรดยังช่วยบรรเทาอาการเกิดก้อนขน ด้วยเช่นกัน

brown rabbit with vegetables isolated

ผัก

        สำหรับผักที่เหมาะสำหรับกระต่าย มีหลายอย่างเช่น ใบกะเพรา (ป้องกันกระต่ายท้องอืด) ผักกาดหอม ถัวฝักยาว และผักบุ้งไทย ส่วนผักบุ้งจีนไม่สมควรให้เพราะว่ามียางเยอะ ซึ่งอาจจะทำให้กระต่ายท้องเสียได้ มีข้อสังเกตง่ายๆ ผักสีเขียวเข้มทานได้ ผักสีเขียวอ่อนควรหลีกเลี่ยง

22

 อาหารเสริม

        อาหารเสริม เช่น ข้าวโอ๊ต เมล็ดทานตะวัน (ช่วยบำรุงขน) โดยเฉพาะข้าวเปลือก ซึ่งมีวิตามินบี เพื่อช่วยให้พ่อพันธุ์สมบูรณ์พันธุ์ก่อนผสม

        สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด ภาชนะที่ใส่อาหาร เช่น ภาชนะดินเผา กระเบื้องเคลือบหรือกล่องใส่อาหารอัตโนมัติ และกระบอกน้ำหรือถังจ่ายน้ำอัตโนมัติ ควรจะดูแลเรื่องความสะอาดอย่างดีและพิเศษที่สุด ภาชนะควรทำความสะอาดอย่างน้อยอาทิตย์ละสองสามครั้ง เพื่อล้างคราบสกปรกเช่นปัสสาวะและอุจจาระที่อาจจะกระเด็นหรือตกค้างอยู่ โดยส่วนตัวอยากแนะนำให้ใช้ภาชนะที่ทำความสะอาดและแห้งได้ง่าย เพื่อลดโอกาสที่กระต่ายจะเกิดอาการท้องเสีย จากเชื้อรากรณีที่ภาชนะไม่แห้งสนิทได้ นอกจากนี้ผู้เลี้ยงควรจะต้องหมั่นสังเกตกระบอกน้ำ ว่ากระต่ายสามารถเลียหรือดูดน้ำได้หรือไม่ โดยดูดจากปริมาณน้ำที่ลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่เป็นจุกน้ำอัตโนมัติ ผู้เลี้ยงต้องหมั่นสังเกตตลอดเวลา หากจุกน้ำรั่วหรืออุดตันก็อาจจะส่งผลเสียหรืออันตรายกับชีวิตน้อยๆเหล่านี้ได้ สุดท้ายอยากฝากไว้ว่า สุขอนามัยของภาชนะอาหารและกระบอกน้ำ มีความสำคัญพอๆกันกับความสะอาดของอาหารที่ให้กระต่ายทาน หมายเหตุ ตัวเลขปริมาณอาหาร เป็นตัวเลขโดยประมาณ สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามพฤติกรรมการกินของกระต่ายแต่ละตัว

ฝักบุ้ง

กระต่ายมีกี่ชนิด อะไรบ้าง ดูได้ที่นี่จ่ะ

1.กระต่ายไทย
เป็นกระต่ายพื้นบ้านของประเทศไทยคับ ลักษณะตัวใหญ่ มีหลากหลายสี ว่องไวปราดเปรียว หูยาว หน้าค่อนข้างจะกลม มีกล้ามเนื้อขาที่แข็งแรง สามารถกระโดดได้สูง

กระต่ายไทย

2.นิวซีแลนด์ ไวท์ แรบบิท
เป็นกระต่ายพื้นเมืองของประเทศนิวซีแลนด์ ลักษณะตัวใหญ่กว่ากระต่ายไทย มีขนสีขาวจนถึงเหลืองอ่อนๆ หูยาว ตาแดง มีลักษณะลำตัวอ้วนตัน ใช้สำหรับเป็นอาหารและการทดลอง

กระต่ายนิวซีแลนด์ ไวท์

3.ไลอ้อนเฮดท์
เป็นกระต่ายที่ตัวใหญ่ มีขนเป็นแผงคอจึงทำให้ดูเหมือนสิงโต ตัวอ้วน น้ำหนักมาก มีหลายสี

ไลอ้อนเฮดท์

4.เท็ดดี้แบร์
เป็นกระต่ายที่มีขนาดกลางๆ มีขนฟูทั่วตัว ดูเเล้วน่ารัก มีหลากหลายสี พบได้ง่ายในท้องตลาด

เท็ดดี้แบร์

5.วู๊ดดี้ทอย
เป็นกระต่ายขนาดค่อนข้างเล็ก มีขนนุ่มๆฟูๆกระจายไปทั่วตัว คล้ายๆเท็ดดี้แบร์ แต่จะตัวเล็กกว่า มีหลายสี อาจหาได้ยากกว่าเท็ดดี้แบร์

วู๊ดดี้ทอย

6.เจอร์รี่วู๊ดดี้ทอย
เป็นกระต่ายพันธุ์ผสม มีขนนุ่ม ฟูไปทั่วตัว ตัวเล็ก มีหลากหลายสี ราคาค่อนข้างสูง และหาได้ยากตามท้องตลาด

เจอร์รี่วู๊ดดี้ทอย

 


7.มินิล็อป
เป็นกระต่ายหูตกชนิดหนึ่ง มีขนาดกลางๆ ลำตัวค่อนข้างอ้วนกลม ขนจะยาว หาเจอได้ง่ายตามตลาด

มินิล็อป

8.ฮอลแลนด์ล็อป
กระต่ายหูตกอีกชนิดหนึ่ง ราคาค่อนข้างสูง มักมีแต่สีพื้นๆ มีขนาดเล็กกว่ามินิล็อป ดูเเล้วหน้ากลมน่ารัก

ฮอลแลนด์ล็อป

9.เฟรนซ์ล็อป
เป็นกระต่ายหูตกพันธุ์ใหญ่ที่สุด ลำตัวอ้วน ตัน ตัวใหญ่มากๆ หาได้ยากในเมืองไทย

เฟรนซ์ล็อป

10.อิงลิซล็อป
กระต่ายหูตกที่ดังที่สุดในอังกฤษ ในประเทศไทยต้องสั่งนำเข้ามาเท่านั้น หูจะยาวกว่าลำตัว ขนจะสั้นเกรียนไปทั่วทั้งตัว

อิงลิซล็อป

11.ดัชต์
เป็นกระต่ายพันธุ์กลางๆอีกชนิดหนึ่ง ขนสั้น ลำตัวเปรียว ราคาก็ค่อนข้างสูง หูจะยาว กระโดดได้สูง

ดัชต์

12.มินิเร็กซ์
เป็นกระต่ายใหญ่ มีขนแบบกำมะหยี่ ราคาค่อนข้างสูง ลำตัวยาว เปรียว วิ่งเร็ว

มินิเร็กซ์

13.โปลิส
มีต้นกำเนิดที่เบลเยี่ยม หูสั้น ปลายหูชนกัน ตัวเล็ก ราคาค่อนข้างสูง

Micky01
โปลิส

14.เนเธอร์แลนด์ดรอฟ
เป็นกระต่ายพันธุ์ผสมระหว่างกระต่ายแคระกับกระต่ายเนเธอร์แลนด์ มีขนาดเล็กที่สุด หูสั้น ตัวอ้วน แต่เปรียว ราคาแพง แต่เป้นที่นิยม หัวจะกลมหน้าจะสั้น

เนเธอร์แลนด์ดรอฟ

 

น่ารักสุดๆ10สายพันธ์กระต่ายยอดนิยม(ในอเมริกา)

ข้อมูลปี 2010 สหรัฐอเมริกาได้เก็บข้อมูลจากที่ผู้เลี้ยงนำเข้าประกวดในงานประกวดที่จัดโดย ARBA (American Rabbit Breeders Association) 10 อันดับยอดนิยม ลองมาดูกันว่ามีพันธุ์อะไรบ้าง แต่ละพันธุ์ก็มีความน่ารักต่างกันออกไป

55

1. มินิเร็กซ์ (Mini Rex)
มินิเร็กซ์ เป็นกระต่ายขนาดเล็ก ขนนุ่มเหมือนกำมะหยี่ เป็นกระต่ายที่อารมณ์ดี เหมาะสำหรับเป็นสัตว์เลี้ยง ผู้เลี้ยงไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการตัดแต่งขน เพียงแค่ใช้ฝ่ามือลูบหลัง ขนที่ตายก็จะหลุดออกไป

r2

2. เนเธอร์แลนด์ดวอร์ฟ (Netherland Dwarf)
เนเธอร์แลนด์ดวอร์ฟ หรือเรียกสั้นๆว่าดอร์ฟ พันธุ์นี้มีหูสั้น หัวกลมเป็นรูปแอปเปิ้ล ขนาดตัวกะทัดรัด และมีสีที่หลากหลายมาก แม้แต่เนเธอร์แลนด์ดวอร์ฟสามสี (calico) ก็มี หากใครต้องการกระต่ายประเภทสวยงามและคาดเดาได้ พันธุ์นี้แหละที่เหมาะสม

r3

3. ฮอลแลนด์ลอป (Holland Lop)
ฮอลแลนด์ลอปอาจโตเต็มที่ได้ถึง 1.8 กิโลกรัมเศษๆ เป็นกระต่ายขนาดกลาง รูปร่างเล็กแต่ลำตัวแน่น กลม หัวสั้น และหูตก นิสัยโดยยทั่วไปของฮอลแลนด์ ลอปคือเรียบร้อย แต่ตัวเมียมักจะค่อนข้างขี้อาย ขนยาวปานกลาง แต่ก็ต้องการการดูแลเรื่องแปรงขนเหมือนกัน

4. ซาตินแองโกลา (Satin Angora)
ซาตินแองโกลาเป็นกระต่ายที่มีขนยาวตลอดทั้งตัว, แก้ม และบางครั้งครอบคลุมถึงปลายหูด้วย ขนของกระต่ายพันธุ์นี้ส่องประกายแวววาวเหมือนผ้าซาติน จึงทำให้ได้ชื่อว่าซาติน แองโกลา ลำตัวยาวขนาดกลาง และรูปร่างกลม หัวเป็นรูปไข่ และหูตั้ง สายพันธุ์นี้อาจหนักได้ถึงประมาณ 2.7 – 4 กิโลกรัม

5. ดัตช์ (Dutch)
กระต่ายพันธุ์ดัตช์ โตเต็มที่ได้ตั้งแต่ 1.3 – 2.3 กิโลกรัม มีรูปร่างที่กลม สั้น สีของกระต่ายพันธุ์ดัตช์เป็นเอกลักษณ์มาก คือจะเป็นสีหนึ่งตั้งแต่บริเวณหูลงไปถึงแก้มและอีกด้านลงไปจะเป็นสีขาวลงไปถึงอก เป็นพันธุ์ที่น่าเลี้ยง อารมณ์ดี

6. นิวซีแลนด์ (New Zealand)
ชื่อของสายพันธุ์ “นิวซีแลนด์” อาจทำให้เข้าใจผิดว่ามาจากนิวซีแลนด์ แต่จริงๆแล้วกระต่ายพันธุ์นี้มีต้นกำเนิดจากอเมริกา ปกติน้ำหนักตัวสูงถึง 5 กิโลกรัม กระต่ายพันธุ์นิวซีนแลนด์ดั้งเดิมจะมีขนสีขาว แต่ตอนหลังสีขนเริ่มมีหลากหลายขึ้นเนื่องจากมีการผสมข้ามสายพันธุ์กับกระต่ายพันธุ์อื่นๆ ผู้เลี้ยงพันธุ์นี้ต้องเตรียมอาหารไว้เยอะๆเนื่องจากนิวซีนแลนด์ต้องกินอาหารเยอะ เพราะมีขนาดตัวที่ใหญ่นั่นเอง

7. เร็กซ์ (Rex)
เร็กซ์เป็นกระต่ายขนาดใหญ่ น้ำหนักระหว่าง 3 – 4.5 กิโลกรัม หากใครต้องการกระต่ายตัวใหญ่ ขนนุ่มเหมือนซาตินไว้กอด พันธุ์นี้แหละที่เหมาะสม แต่กระต่ายตัวผู้มีแนวโน้มจะค่อนข้างก้าวร้าวหากไม่ได้ทำหมัน

8. มินิลอป (Mini Lop)
มินิลอปโตเต็มที่อาจหนักถึง 2.7 กิโลกรัม รูปร่างขนาดกลาง โดยรวมเป็นพันธุ์ที่น่ารัก แต่ถ้าเทียบกับพันธุ์อื่นๆจะกระตือรือร้อนน้อยกว่า ผู้เลี้ยงต้องหาวิธีกระตุ้นหลากหลายกว่าจะได้เห็นพันธุ์นี้แค่ส่ายหาง และต้องเตรียมอุปกรณ์ไว้แปรงขนเนื่องจากพันธุ์นี้จะผลัดขนค่อนข้างเยอะ

9. เจอร์ซี วูลลี (Jersey Wooly)
เจอร์ซี วูลลีเป็นกระต่ายพันธุ์ที่น่ารักมาก น้ำหนักโตเต็มที่คือ 1.3 กิโลกรัม มีขนหนาฟู และนิสัยเรียบร้อยมาก จึงเหมาะที่จะเป็นกระต่ายที่เลี้ยงในบ้าน แต่กระต่ายพันธุ์นี้ต้องการการแปรงขนอย่างน้อยเดือนละหนึ่งครั้ง และถี่ขึ้นเวลากระต่ายโตขึ้นและมีการผลัดขน

10. ฟลอริดาไวท์ (Florida White)
ฟลอริดาไวท์เป็นกระต่ายขนาดกลาง ลำตัวกลม สั้น หัวกลม และหูตั้ง และเหมือนกับชื่อสายพันธุ์ จะมีสีขาวอย่างเดียวและมีตาสีชมพู ฟลอริดาไวท์จะค่อนข้างเชื่องหากได้รับการฝึกให้คุ้นเคยกับคนตั้งแต่เด็ก และอาจจะต้องมีการทำหมันเพื่อควบคุมพฤติกรรมให้เรียบร้อย

 

วิธีการเลี้ยงกระต่ายที่ดี

44

แนะวิธีเลี้ยงกระต่ายถูกวิธี เสริมมงคลรับปีเถาะ “ไม่ใช่แค่เลี้ยงง่าย แต่ต้องดูแลให้ดีที่สุด” (โรงพยาบาลสัตว์ตลิ่งชัน)ปีนี้เป็น “ปีกระต่ายทอง” ปีมงคลที่คนจำนวนไม่น้อยนิยมมอบกระต่ายเป็นของฝากแก่กัน หลายคนเชื่อว่าจะเป็นสัตว์นำโชคและสามารถเสริมดวงเรื่องโชคลาภ ความรัก ความร่ำรวยได้ ทำให้แหล่งขายกระต่ายแทบทุกแห่งในปีนี้ยอดรายได้ทะยานลิ่วอย่างไม่น่าเชื่อ…สำหรับมือใหม่ที่อยากเลี้ยงกระต่าย อย่าคิดเพียงว่าเป็นแค่สัตว์เล็กที่เลี้ยงง่ายเท่านั้น ก่อนนำมาเลี้ยงควรพิจารณาหลายสิ่งหลายอย่างประกอบด้วย เพราะกระต่ายต้องการการดูแลอย่างถูกวิธี อีกทั้งเรื่องความรับผิดชอบต่อชีวิตสัตว์เป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากทำให้เขาต้องจากโลกนี้ไปก่อนวัยอันควร หรือเบื่อแล้วปล่อยทิ้งขว้างไม่ไยดี คงไม่ใช่เป็นการเสริมดวงแต่จะสร้างบาปกรรมให้กับผู้เลี้ยงมากกว่า….วันนี้ สัตวแพทย์หญิง ลลนา เอกธรรมสิทธิ์ หัวหน้าฝ่ายวิชาการสัตว์เลี้ยงพิเศษ (Exotic Pet) โรงพยาบาลสัตว์ตลิ่งชัน มีเกร็ดความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงดูกระต่ายอย่างถูกวิธีมาฝากว่า “นอกจากสุนัขและแมวแล้ว กระต่ายถือเป็นสัตว์เลี้ยงยอดนิยมอันดับต้น ๆ ที่คนสนใจ สังเกตได้ว่ากลุ่มของคนเลี้ยงกระต่ายมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกวัน และรู้สึกดีที่เห็นคนหันมาเลี้ยงกระต่ายมากขึ้น ความจริงแล้วธรรมชาติของสัตว์ชนิดนี้อายุไม่ยืนนัก อายุขัยโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 5-10 ปี กระต่ายเป็นสัตว์ที่ไม่ได้เลี้ยงยาก เลี้ยงได้เหมือนสัตว์เลี้ยงทั่วไป เพียงแต่ต้องทราบว่าเขาต้องการอาหารและสิ่งแวดล้อมแบบไหนที่เหมาะสม””ธรรมชาติของกระต่ายเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม แพร่พันธุ์ได้ง่ายและรวดเร็ว ออกลูกครอกหนึ่งประมาณ 6-10 ตัว ถ้าไม่ต้องการเลี้ยงเพื่อเพาะพันธุ์ก็ควรทำหมันเสีย ไม่เช่นนั้นภายในหนึ่งปีจะมีจำนวนมากทีเดียว กระต่ายเป็นสัตว์สุภาพ ชอบอยู่เงียบ ๆ เป็นฝูง อาหารส่วนใหญ่จะเป็นหญ้าและอาหารเม็ด

 

22

การเลี้ยงควรให้หญ้าสดและหญ้าแห้ง เป็นอาหารหลัก เสริมผักและผลไม้เล็กน้อย การให้หญ้ามีประโยชน์กับกระต่ายมาก เพราะส่งผลต่อสุขภาพและการขับถ่าย ช่วยในการลับฟันตลอดจนป้องกันปัญหาต่าง ๆ เกี่ยวกับฟัน นอกจากนี้ในฤดูฝนและหนาวกระต่ายจะเป็นหวัดและปอดบวมง่าย มีปัญหาเรื่องผิวหนัง ความอับชื้นและเชื้อรา ส่วนฤดูร้อนจะมีปัญหาเรื่อง Heat Stroke หรือการช็อคจากความร้อน เป็นต้น ดังนั้นจึงควรเอาใจใส่และดูแลเขาเป็นพิเศษในฤดูกาลต่าง ๆ ”

สัตวแพทย์สาว ยังกล่าวต่อด้วยว่า  ผู้เลี้ยงทั่วไปมักคิดว่ากระต่ายเป็นสัตว์ที่ตายง่าย แค่ตกใจก็ตายแล้ว ความจริงก็ไม่ถึงขนาดนั้น แล้วแต่ตัวมากกว่า เคยมีกระต่ายหลายตัวที่มารับการรักษาทำแผลซึ่งเจ็บมาก แต่ก็ถึงกับไม่ช็อคตาย คงต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และลักษณะของภูมิอากาศ ณ จุด ๆ นั้นด้วย เพราะส่วนใหญ่กระต่ายจะช็อคได้ถ้าร้อนมาก ๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าอาการช็อคหรือตกใจง่ายจนตายจะเป็นกับกระต่ายทุกตัวเสมอ ไป

11

“อีกอย่างการหิ้วหูกระต่ายเป็นสิ่งไม่ควรทำ เพราะบริเวณหูมีเส้เลือดเยอะมาก หากไปหิ้วหูจะทำให้เส้นเลือดบริเวณนั้นฉีกขาด หูจะช้ำ การจับที่ถูกต้องคือให้จับบริเวณหนังด้านท้ายทอยและช้อนก้นเพื่อช่วยรองรับ น้ำหนัก ส่วนสถานที่เลี้ยงต้องไม่ร้อนจัด ไม่ชื้นแฉะ ลมไม่พัดแรง มีอากาศถ่ายเทสะดวก กรงต้องสะอาดและการให้อาหาร การเปลี่ยนน้ำต้องสะอาดเสมอ สิ่งสำคัญควรปล่อยให้กระต่ายได้วิ่งเล่นออกกำลังกายบ้าง จะทำให้เขามีอารมณ์เบิกบานแจ่มใสและไม่เหงาเกินไป”

นอก จากนี้ การเลี้ยงกระต่ายควรต้องระวังโรคด้วย เพราะจะมีโรคทั้งที่คนติดจากสัตว์และโรคที่สัตว์เป็นแล้วไม่ติดคน  สำหรับโรคที่พบในกระต่ายส่วนใหญ่ จะมีโรคท้องเสียจากเชื้อบิด ซึ่งจะทำให้หูแดงคัน หรือบิดเบี้ยว โรคติดเชื้อราบริเวณฟันของกระต่าย ฯลฯ สำหรับคนก็สามารถเป็นภูมิแพ้ เช่นแพ้ขนกระต่าย เป็นต้น กรณีที่เลี้ยงกระต่ายร่วมกับสุนัขและแมวควรนำมาฉีดวีคซีนป้องกันพิษสุนขบ้า ด้วย ซึ่งการฉีดวัคซีนสามารถทำได้เมื่อกระต่ายอายุ 4 เดือนขึ้นไป หากในบ้านมีเด็กและใกล้ชิดกับสัตว์เลี้ยงเป็นประจำ

45

   ปัจจุบันกระต่ายมีหลากหลายพันธุ์ให้เลือก การที่จะตัดสินใจเลี้ยงกระต่ายสักตัว ควรเข้าใจถึงธรรมชาติของเขา ศึกษาถึงการดำรงชีวิตและลักษณะและนิสัยของพันธุ์นั้นด้วยว่าเป็นอย่างไร โดยทำความรู้จักให้ดีก่อนรับมันเข้าบ้าน ส่วนการเลือกซื้อกระต่ายควรเลือกเมื่ออายุประมาณหนึ่งเดือนครึ่งขึ้นไป เพราะเป็นช่วงที่หย่านมและเริ่มกินอาหารปกติได้แล้ว จะช่วยลดปัญหาเรื่องเลี้ยงกระต่ายเด็กเกินไปแล้วเสียชีวิต ลักษณะ กระต่ายที่ดีคือต้องแจ่มใส ตาไม่ขุ่น ไม่มีขี้ตา ไม่มีน้ำมูก ดูก้นว่าสะอาดไม่เลอะเทอะ ตามตัวไม่มีบาดแผล สะเก็ดหรือขนร่วง อาการขาแป  ฯลฯ เป็นต้น

สัตวแพทย์ลลนา ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า ให้ ผู้เลี้ยงควรสังเกตกระต่ายเป็นประจำด้วยว่ามีอาการป่วยเกิดขึ้นหรือไม่ เช่นไม่ดื่มน้ำ ไม่กินอาหาร ขนร่วง ซึม เป็นแผล มีขี้มูกขี้ตา  บางตัวอาจเป็นไรในหู คือขี้หูรวมตัวเป็นแผ่นหนา ซึ่งกระต่ายจะคันมาก หรือในกรณีที่กระต่ายเป็นตาฝ้า ลูกตามีหนองอยู่ข้างใน หรือมีน้ำตาไหล อาจเกิดจากเยื่อบุตาอักเสบ ขนทิ่มตา ท่อน้ำตาตัน ฝุ่นผงควัน ฯลฯ ก็ไม่ควรปล่อยไว้ควรพามาให้สัตวแพทย์ตรวจหาความผิดปกติเพื่อรักษาได้ทัน การณ์

“กระต่ายเป็นสัตว์เลี้ยงที่เชื่อง ไร้เดียงสาและน่ารัก ส่วนใหญ่มีชีวิตที่น่าเศร้าเพราะอยู่ในป่ามักเป็นผู้ถูกล่า หรือไม่ก็เป็นสัตว์ทดลองในห้องแล็ป วันนี้กระต่ายอาจกลายเป็นสัตว์นำโชคของมนุษย์โดยไม่รู้ตัว หากเลี้ยงเพื่อเสริมดวงก็ควรดูแลเอาใจใส่เขาอย่างดีที่สุด ทำให้เขามีความสุข ด้วยวิธีการที่ถูกต้อง เพื่อเขาจะได้อยู่กับเราไปนาน ๆ”  สัตวแพทยสาว กล่าวสรุป

image8

สิ่งที่ควรทำในการเลี้ยงกระต่าย

1.ดูแลและสังเกตเป็นประจำ ถ้าเกิดความผิดปกติเพียงเล็กน้อยต้องรีบพาไปพบสัตวแพทย์

2.ให้สัมผัสอย่างเบามือ

3.ทำความความสะอาดบริเวณกรงอย่างสม่ำเสมอ

4.ควรให้อาหารที่เหมาะสม

5.ควรให้ถ่ายพยาธิหรือตรวจสุขภาพอย่างน้อยปีละ 1ครั้ง

สิ่งที่ไม่ควรทำในการเลี้ยงกระต่าย

1.อย่าหิ้วหูกระต่ายเด็ดขาด

2.อย่าให้อาหารประเภทขนมที่เป็นแป้ง คาร์โบไฮเดรต เพราะจะเกิดผลเสียกับเขา

3.อย่าเลี้ยงกระต่ายเป็นแฟชั่น ให้เลี้ยงเพราะว่าอยากจะเลี้ยง

4.อย่าอาบน้ำให้กระต่ายบ่อยเกินไป ประมาณ  3-4 เดือน/ครั้งก็พอ

5.หากที่บ้านมีแมว ไม่ควรเอาห้องน้ำแมวที่มีสารดับกลิ่นมาใช้กับกระต่าย ควรใช้ขี้เลื่อยหรือหนังสือพิมพ์แทน

cropped-44.jpg

 

ความเป็นมาของกระต่าย

เนื่องจากปัจจุบันมีผู้ที่นิยมเลี้ยงกระต่ายเป็นจำนวนมาก แต่ไม่รู้จะศึกษาหาข้อมูลและวิธีการเลี้ยงอย่างถูกต้องจากที่ไหน

นอกแต่ถามผู้ที่เคยเลี้ยงมาก่อน เดินทางไปที่ฟาร์ม และถามตามร้านที่ขายสัตว์เลี้ยงต่างๆ โดยจะได้ข้อมูลที่ไม่ตรงกัน

และมีการเชียร์ขายของหรือกระ่ต่ายของตนเอง ทำให้ผู้ที่สนใจและอยากเลี้ยงกระต่ายได้ความเข้าใจผิดๆ

เกี่ยวกับการเลี้ยงและการดูแล มีการสิ้นเปลืองเวลาและทรัพย์สินเกินความจำเป็น ทำให้บางคนเลิกเลี้ยงหรือทำกระต่ายตาย

จึงทำให้เกิดเป็นความตั้งใจของผู้จัดทำ เพื่อรวมรวบสิ่งต่างๆไว้ใน เว็บไซต์ และได้จัดทำแอพพลิเคชั่นบนมือถือเพื่อสะดวกต่อการใช้งาน

และการพกพา เนื่องจากมือถือได้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันไปแล้ว ผู้จัดทำหวังว่า

ผู้ที่รักและสนใจในการเลี้ยงกระต่ายจะได้ใช้ประโยชน์ต่างๆในเว็บไซต์

และแอพพลิเคชั่นที่จัดทำขึ้น เพื่อเป็นแนวทางในการศึกษา หาความรู้ในการเลี้ยง สายพันธุ์ของกระต่ายความเหมาะสมต่างๆ อย่างถูกต้องชัดเจน

          

     กระต่าย..

กระต่าย จัดอยู่ในไฟลัมสัตว์มีแกนสันหลัง ชั้นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ในวงศ์ Leporidae มีลำตัวขนาดเล็ก ขนปุย หูยาว พบในหลายแห่งของโลก มีสัตว์ 7 สกุลจัดอยู่ในวงศ์ของกระต่าย ที่พบอาศัยตามป่าทั่วไปในประเทศไทยมีชนิดเดียว คือ กระต่ายป่าึืคือ (Lepus peguensis) ซึ่งมีขนสีน้ำตาล ใต้หางสีขาว ขุดดินเป็นโพรงอาศัย ส่วนที่นำมาเลี้ยงตามบ้าน มีหลายชนิดและหลายสี แต่ที่พบมากจะเป็นสีอ่อนเช่นสีขาว เช่น ชนิด Oryctolagus cuniculus

[แก้] พันธุ์ของกระต่ายกระต่ายมีอยู่หลากหลายสายพันธุ์ โดยสามารถใช้ขนาดเป็นเกณฑ์ในการจำแนก ได้แก่ กระต่ายแคระ กระต่ายขนาดเล็ก กระต่ายขนาดกลาง และกระต่ายขนาดใหญ่

  • กระต่ายแคระ เช่น เนเธอร์แลนด์ดวอฟ โปลิช ดวอฟโอโท เป็นต้น
  • กระต่ายขนาดเล็ก ได้แก่ ฮอลแลนด์ลอป อเมริกันฟัซซี่ลอป มินิเร็กซ์ ดัทช์ เป็นต้น
  • กระต่ายขนาดกลาง เช่น ซาติน แคลิฟอร์เนียน นิวซีแลนด์ไวท์ เป็นต้น
  • กระต่ายขนาดใหญ่ ได้แก่ เฟลมมิชไจแอนท์ เฟร้นช์ลอป อิงลิชลอป เชคเกิร์ตไจแอนท์ เป็นต้น

               กระต่ายจัดเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ประเภทสัตว์เลือดอุ่น ในอันดับ Lagomorpha เดิมจัดกระต่ายไว้เป็นสัตว์ฟันแทะในอันดับ Rodentia ร่วมกับพวกหนูและกระรอก แต่เมื่อพบว่ากระต่ายมีลักษณะหลายอย่างเป็นของตนเอง ที่แตกต่างจากพวกหนูและกระรอกมาก โดยเฉพาะกระต่ายจะมีฟันตัดสองคู่ทางด้านหน้าของขากรรไกรบนคู่ที่สองมีลักษณะเป็นปุ่มเล็กซุกอยู่ภายในคู่หน้า ในขณะที่หนูและกระรอกมีฟันตัดเพียงคู่เดียว กระต่ายถือกำเนิดในโลกมาเมื่อประมาณ 50 ล้านปีมาแล้ว ในบริเวณทวีเอเชียและอเมริกาเหนือ ทั่วโลกมีจำนวนชนิดของกระต่ายรวม 58 ชนิด

ในจำนวนนี้ 44 ชนิด จัดอยู่ในวงศ์กระต่ายธรรมดา (Leporidae) และอีก 14 ชนิด อยู่ในวงศ์กระต่ายหูสั้น (Ochotonidae) กระต่ายวงศ์แรกมีขาหลังที่ยาว ทำให้วิ่งได้รวดเร็ว ใบหูยาวและหมุนไปมาได้ และมีหางสั้น ขนฟูเป็นกระจุก ส่วนกระต่ายหูสั้นมีขาทั้งคู่หน้า และคู่หลังสั้นพอๆกัน ใบหูสั้นเป็นมนกลม และไม่มีหางให้เห็นภายนอก ในวงศ์กระต่ายธรรมดา ยังแบ่งออกได้เป็นกระต่ายเลี้ยง (rabbit) และกระต่ายป่า (hare) ซึ่งมีความแตกต่างกันมากในลักษณะของ กระโหลกศีรษะ กระต่ายเลี้ยงออกลูกในโพรงใต้ดิน ไม่มีขน และไม่ลืมตาจนกว่าจะมีอายุได้ 10 วัน ส่วนกระต่ายป่าออกลูกบนพื้นดินในพงหญ้ารก ลูกที่ออกมามีขนปกคลุมตัว และตาเปิดตั้งแต่วันแรกเกิด นอกจากนี้ กระต่ายป่ามีนิสัยชอบวิ่งหนีศัตรูมากกว่าจะซุกซ่อนในโพรงดังเช่นกระต่ายเลี้ยง ที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติ และกระต่ายป่าชอบอยู่โดดเดี่ยว ในขณะที่กระต่ายเลี้ยงชอบอยู่เป็นฝูง
กระต่ายเลี้ยง (European rabbit) มีเพียงชนิดเดียว มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Orytolagus cuniculus มีถิ่นกำเนิดในคาบสมุทร ไอบีเรียและแอฟริกาตะวันตกเฉียงเหนือ ต่อมามีการนำไปเลี้ยงทั่วโลก สำหรับกระต่ายป่านั้น มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Lepus peguensis มีเขตแพร่กระจายในประเทศพม่า ไทย อินโดจีน และเกาะไหหลำ พบอาศัยอยู่ในทุ่งหญ้า และบริเวณป่าดั้งเดิมที่สภาพถูกทำลายทั่วประเทศ ลงไปทางทิศใต้ จนถึงบริเวณรอยต่อระหว่างจังหวัดประจวบคีรีขันธ์กับจังหวัดชุมพร
กระต่ายอาศัยอยู่ได้ในสภาพแวดล้อมหลายแบบ ตั้งแต่บริเวณเขตหิมะในแถบอาร์กติก จนถึงทะเลทรายและป่าในเขตร้อน อาหารได้แก่ หญ้าและพืชล้มลุก รากไม้ เปลือกไม้ยืนต้น และไม้พุ่ม กระต่ายมีนิสัยกินมูลของตัวเอง โดยในเวลากลางวันจะถ่ายออกมาเป็นมูลแข็งและ ในเวลากลางคืนจะถ่ายมูลอ่อนที่มีวุ้นเคลือบ ซึ่งกระต่ายจะกินในเวลาเช้า เชื้อบักเตรีในมูลอ่อนเมื่อมาถูกกับอากาศจะสร้างวิตามินบางชนิดขึ้น วิตามินนี้จำเป็นมากต่อสุขภาพของกระต่าย หากไม่ได้กินมูลอ่อนกระต่ายจะตายภายในเวลา 3 วันกระต่ายเลี้ยงในทวีปยุโรปภาคเหนือผสมพันธุ์ในเดือนกุมภาพันธ์จนถึงเดือนสิงหาคม หรือเดือนกันยายน ผสมพันธุ์โดยการปฏิสนธิภายใน ออกลูกได้ 3-5 ครอก ครอกละ 5-6 ตัว สำหรับกระต่ายป่าในซีกโลกภาคเหนือ ออกลูก 2-4 ครอก ครอกละ 1-9 ตัว ในฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน แต่ในเขตร้อนกระต่ายป่าผสมพันธุ์ได้ตลอดปี ในธรรมชาติปกติกระต่ายมีอายุประมาณ 10 ปี